การวิจัยและติดตามผล
ครูแนะแนวทุกคนมีบทบาทหน้าที่ที่จะผลิตความรู้ในการเรียนการสอนกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและใช้ความรู้พื้นฐานด้านจิตวิทยาที่ผู้อื่นค้นพบ ไปจัดบริการแนะแนวแบบต่างๆ ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดความสำคัญของการวิจัยในงานแนะแนว
การวิจัยเป็นกระบวนการศึกษาค้นคว้าหาความจริงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจช่วยในการแก้ปัญหา ปรับปรุงพัฒนางานหรือบุคคล การวิจัยจึงเป็นหนึ่งในวิธีการติดตามผลอย่าง มีประสิทธิภาพ และได้ข้อมูลน่าเชื่อถือ ที่จะใช้ประโยชน์ได้
แก่ผู้รับบริการ ทำให้ครูแนะแนวต้องทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ผลิตงานวิจัยด้วยตนเองและใช้ผลงานวิจัยทั้งของตนเองและของผู้อื่นเป็น จึงจะได้ความรู้ทันการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยและบุคคล นับได้ว่าการวิจัยเป็นส่วนสำคัญใน การพัฒนางานแนะแนวทุกบริการทุกระยะเวลาอย่างต่อเนื่อง
การบริการติดตามผล
การติดตามผลและการวิจัย(Follow – up and research) เป็นการศึกษาหรือติดตามผล เพื่อช่ายให้โรงเรียนได้ทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษาและบริการแนะแนวที่โรงเรียนให้แก่เด็กได้ผลเป็นอย่างไร สามารถประเมินผลงานที่ได้กระทำไปแล้วว่าสามารถช่วยให้เด็กได้พัฒนาขึ้นในด้านต่างๆเพียงใด เช่น อาจพบว่าเด็กตัดสินใจเลือกการเรียนผิด ก็อาจช่วยแก้ไขได้ทันท่วงที การติดตามผลจะช่วยให้ปฏิบัติงานได้เรียนรู้ถึงจุดอ่อนและข้อบกพร่อง อันควรปรับปรุงส่งเสริมในบริการแนะแนว และได้ข้อคิดแนวทางอันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานต่อไปให้ถูกกต้อง และบรรลุถึงวัตถุประสงค์ได้ดีขึ้น
การติดตามผลและการวิจัยในกิจการแนะแนวอาจจำแนกออกเป็น 4 ประเภทคือ
1. การติดตามผลและการวิจัยนักเรีนผู้ได้รับการแนะแนว เมื่อได้มีการแนะแนวไปแล้ว ครุและผู้แนะแนวควรต้องคิดตาม เพื่อทราบผลของการแนะแนว เพื่อประโยชน์ต่อไปนี้
- เพื่อตรวจสอบดูว่านีกเรียนได้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้จากการแนะแนวหรือไม่เพียงไร และผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร
- เพื่อรวบนรวมข้อมูลอันอาจเป็นประโยชน์ต่อการให้คำปรึกษาแนะแนวในโอกาสต่อไป และบันทึกเข้าระเบียนสะสม
-เพื่อช่วยให้การให้คำปรึกษาหรือการแนะแนวได้เป็นไปอย่างถูกต้องและได้ผลดี
2. การติกตามผลและการวิจัยนักเรีนยบางคนหรือบางประเภทเป็นกรณีพิเศษ เช่น ผู้ที่มีภาวะผิดปกติทางจิต จนต้องมีการรักษาพยาบาลโดยจิตแพทย์ เพื่อจะได้ประเมินดูว่า การบำบะดนั้นมีผลดีต่อนักเรียนเพียงใด ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติต่อไปได้ถูกต้อง เหมาะสมยิ่งขึ้น
3. การติดตามผลและการวิจัยนักเรียนที่อยู่ในชั้นหรือระดับการศึกษาที่สูง เช่น เด็กที่เลื่อนจากชั้น ม.3 ไปชั้น ม.4 หรือจากระดับการศึกษาที่สูงขึ้น จากระดับมัธยมศึกษาไประดับวิทยาลัย หรืออุดมศึกษา เพื่อจะได้ศึกษาพัฒนาการของนักเรียนโดยติดต่อกัน เป็นการช่วยให้รู้จักนักเรียนเป็นอย่างดี และจะได้ทราบผลและประสิทธิภาพของหลักสูตร วิธีสอน ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆใน โรงเรียน เพื่อจะได้พิจาณาปรับปรุง ส่งเสริมหลักสูตร วิธีการสอน ตลอดจนงานแนะแนวต่าง ๆในโรงเรียนให้มีคุณค่ายิ่งขึ้นต่อพัฒนาการของนักเรียน
4. การศึกษาติดตามผลและการวิจัยนักเรียนเก่าซึ่งออกจากโรงเรียนไปแล้ว ทั้งผู้เรียนสำเร็จตามหลักสูตร และผู้ไม่สำเร็จตามหลักสูตร เพื่อรวบรวมข้อมูลทั่วไปที่จะทำให้สามารถประเมินผลและการวิจัยของการบริการแนะแนว และงานด้ามการศึกษาทั่วไปของโรงเรียน
นักเรียนที่ควรติดตามผล
คือ นักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนตามปกติ นักเรียนที่มีปัญหาเป็นพิเศษ และนักเรียนที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว สำหรับนักเรียนเก่านี้นักเรียนถือว่าความรับผิดชอบจะไม่สิ้นสุดเมื่อนักเรียนจบการศึกษาเท่านั้น แต่โรงเรียนควรมีการติดต่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนต่อไปเรื่อยๆเหมือนกับนายแพทย์ที่ต้องตรวจสอบคนไข้เป็นระยะๆ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยโรคและให้การเยียวยา
คือ นักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนตามปกติ นักเรียนที่มีปัญหาเป็นพิเศษ และนักเรียนที่ออกจากโรงเรียนไปแล้ว สำหรับนักเรียนเก่านี้นักเรียนถือว่าความรับผิดชอบจะไม่สิ้นสุดเมื่อนักเรียนจบการศึกษาเท่านั้น แต่โรงเรียนควรมีการติดต่อให้ความช่วยเหลือสนับสนุนต่อไปเรื่อยๆเหมือนกับนายแพทย์ที่ต้องตรวจสอบคนไข้เป็นระยะๆ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยโรคและให้การเยียวยา
วิธีการต่างๆ ในการติดตามผลและการวิจัย
- โดยการสัมภาษณ์สอบถามบุคคลผู้มีความสัมพันธ์ หรือมีความรู้จักคุ้นเคยใกล้ชิดกับนักเรียนที่ต้องการติดตามผล ซึ่งอาจได้แก่ บิดามารดา ผู้ปกครอง ญาติพี่น้องหรือรู้จักคุ้นเคยอื่นๆ เช่น นายจ้างที่เด็กไปทำงานอยู่ เป็นต้น
- โดยการสังเกต พิจารณาอย่างใกล้ชิด และละเอียดรอบคอบในพฤติกรรมของนักเรียนที่ต้องการติดตามผล
-โดยการสัมภาษณ์ สอบถามเด็กที่คิดว่าต้องติดตามผลโดยตรง
-โดยการทำสังคมมิติในกรณีเกี่ยวกับการปรับปรุงตนทางสังคม หรือโดยการใช้แบบทดสอบชนิดต่างๆ ตามแต่กรณี ทำการสอบ “ก่อน” และ “หลัง” การแนะแนว หรือปฏิบัติการใดๆ ที่กระทำต่อนักเรียนเป็นเครื่องวินิจฉัยผล
-โดยการศึกษาพิจารณารายกรณี (Case study) และการประชุมปรึกษารายกรณี (Case conference) ของผู้ปฏิบัติงานและผู้เชี่ยวชาญร่วมกัน
-โดยการเปิดอภิปรายทั่วไปในหมู่นักเรียนและในหมู่ครู ตลอดจนผู้ปกครองเพราะบุคคลเหล่านี้มีส่วนช่วยในการวางแผนการของโรงเรียนในขั้นต่อไปได้
-โดยการพูดวิจารณ์หรืออภิปรายของนักเรียน และผู้ที่ออกจากโรงเรียนไปแล้วตลอดจนข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงสิ่งบกพร่อง
-โดยการสำรวจ ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบสอบถามก็ย่อมได้
-โดยทำการทดสอบวัด เช่น วัดบุคลิกภาพ วัดการสร้างมนุษยสัมพันธ์ เป็นต้น
ข้อมูลที่ควรติดตามเพื่อใช้ประโยชน์ ในการแนะแนวมีหลายประการคือ การศึกษาต่อ อาชีพที่ทำ ความสำเร็จทางด้านการศึกษา และอาชีพที่ทำ สิ่งที่นักเรียนเสนอแนะให้โรงเรียนทำ
การจัดโครงการติดตามผลจะเริ่มตั้งแต่คณะกรรมการดำเนินงาน การกำหนดจุดมุ่งหมาย กำหนดขอบเขตของงาน การเตรียมอุปกรณ์ การขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น การดำเนินงานตามโครงการ ไปจนถึงการประเมินผลงานที่ได้จากการติดตามผลงานนักเรียน
งานวิจัยเกี่ยวกับการแนะแนวในประเทศไทย
การวิจัย เป็นกระบวนการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆ และเป็นขั้นตอนของการหาข้อเท็จจริง โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แล้วนำมาวิเคราะห์อย่างมีระบบ ยึดหลักการจึงสรุปเป็นข้อเท็จจริง
ประโยชน์ของการทำวิจัย ผลงานวิจัยช่วยทำให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดบริการแนะแนวในด้านการศึกษา แนะแนวอาชีพ และแนะแนวส่วนตัวและสังคม ว่ามีความต้องการบริการในด้านการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคล บริการสนเทศ บริการให้คำปรึกษาบริการจัดวางตัวบุคคล หรือบริการติดตามแผลและการวิจัย เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายหรือแก้ปัญหาในการจัดบริการแนะแนวในโรงเรียน หรือทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดบริหการเกี่ยวกับการแนะแนว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น